วันพุธที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2556

โดยทั่วไป "การเลี้ยงไก่ชน" และ "การชนไก่" เป็นของคู่กัน ของชนบท ไทยทั่วไป ดังคำพังเพยที่ว่า "เสร็จจากการทำนา ก็กัดปลาชนไก่" และการทำนากับการชนไก่ ก็เป็นของคู่กันอีก ในสมัยก่อน การนวดข้าวต้องใช้แรงจากคนตีข่าวให้ร่วง ต้องมีลานตากข้าว และต้องไปนอนเฝ้า การเลี้ยงไก่ควบคู่กันไป เพราะว่ามีข้าวเปลือกมาก เป็นอาหารไก่ ไก่ก็อุดมสมบูรณ์ในฤดูหนาวที่เก็บเกี่ยวข้าวกัน จะตรงกับฤดูผสมพันธุ์ไก่ เลี้ยงลูกไก่ หรือแม้แต่การเลี้ยงไก่ชนกัน ซึ่งจุดนี้ทำให้การชนไก่สืบสานต่อมาจนถึงปัจจุบัน การเลี้ยงไก่ชนเมืองพิษณุโลก พอจะแยกกล่าวได้ 4 ระยะ คือ 1. ยุคประวัติศาสตร์ (2523 - 2533) 2. ยุคไก่ชนพระนเรศวรรุ่งเรือง (2534 - 2544) 3. ยุครวมพลังสร้างชื่อไก่ชนพระนเรศวร (2545 - 2555) 4. ยุควิทยาศาสตร์ไก่ชนพระนเรศวร (2556 ++) 1. ยุคประวัติศาสตร์ เมืองพิษณุโลก ก็เหมือนเมืองอื่นๆ โดยทั่วไปที่ชนบทมีการเลี้ยงไก่ไทย "ไก่ไทย" คำๆ นี้ต้องวิเคราะห์กันให้ดีเหมือน "คนไทย" คือ คนไทยเกิดมาแล้ว โตขึ้นต้องใช้อาวุธมวยไทยเป็นทุกคนแต่กำเนิด โดยไม่ต้องสอน คือ เตะ ถีบเป็น ใส่ศอกเป็น ไก่ไทยก็เช่นกัน เมื่อมีการเลี้ยงไก่ตามชนบท ถ้าเจ้าของเป็นนักเลงชนไก่ ก็จะเอาไก่ตัวผู้มาซ้อมคัดเลือกตัวเก่งไว้ชน ถ้าเจ้าของไม่ใช่นักเลงชนไก่ก็จะเลี้ยงไก่ไว้ต้มแกงเป็นอาหาร และขาย ดังนั้น ไก่ไทยจึงมีวิญญาณในการชนเป็นด้วย เชื่อกันว่า ไก่ชนไทยได้เลี้ยงกันมาไม่ต่ำกว่า 700 ปี ไก่ไทยจึงเป็นภูมิปัญญาไทย เลี้ยงและคัดเลือกสายพันธุ์มาโดยตลอด เพื่อสรรหาไก่เก่งไว้ชนกัน จนกระทั่งได้พันธุ์เก่งที่ในประวัติศาสตร์ชาติไทยมากว่า 400 ปีแล้ว สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ได้นำไปชนถึงขนาดท้าชนเอาบ้านเอาเมืองเป็นเดิมพัน คือไก่ชนเหลืองหางขาวที่ชนชนะไก่ชนของพระมหาอุปราชาที่ประเทศพม่ามาแล้ว ผู้เขียนได้ศึกษาค้นคว้าเรื่องไก่ชนพระนเรศวรจากประวัติศาสตร์มาก่อนหน้านี้ ตั้งแต่เริ่มรับราชการที่จังหวัดพิษณุโลกครั้งแรกปี 2514 สรุปรวมความว่า "ไก่เหลืองหางขาวกินเหล้าเชื่อ" "ไก่เหลืองหางขาวไก่เจ้าเลี้ยง" เป็นไก่ที่สืบสายเลือดมาจากไก่ที่สมเด็จพระนเรศวรนำไปชนชนะไก่พม่าในวันนั้นและไก่ชนสมัยนั้น ได้สืบสายเลือดเหลืองหางขาวมาจนกระทั่งทุกวันนี้ ในวันที่ 29 กรกฎาคม 2533 เป็นวันครบรอบ 400 ปี การขึ้นครองราชย์ของสมเด็จพระนเศวรมหาราช จังหวัดพิษณุโลกได้จัดให้มีการประกวดไก่ชนพระนเศวรขึ้น มีไก่ส่งเข้าประกวดถึง 633 ตัว เราได้ไก่ที่ชนะเลิศ 5 ตัว ที่ 1, 2, 3 และชมเชย 2 ตัว และเราได้ประกวดสุ่มไก่ด้วย มีผู้ที่ส่งเข้ามา 574 ใบ การเลี้ยงไก่ชนกับสุ่มไก่เป็นของคู่กัน เมื่อเลี้ยงไก่ต้องใช้สุ่มครอบ เมื่อไก่ชนรุ่งเรือง กิจกรรมสานสุ่มก็รุ่งเรืองด้วย จากนั้นเป็นต้นมาคนทั่วประเทศเริ่มรู้จักไก่ชนพระนเรศวรมากขึ้นตามลำดับ 1.1 การส่งเสริมภาครัฐ ในยุคนี้ ภาครัฐมองข้ามไก่ไทย มองเห็นแต่ไก่ลูกผสม คือ นำไก่ไทยผสมกับไก่เนื้อและไก่ไข่ เพื่อหวังผลการแข็งแรงจากสายเลือดไก่ไทย ได้เนื้อมากจากไก่เนื้อ และไข่ดกจากไก่ไข่ จึงมีการส่งเสริมมุ่งทางนี้ ดังนั้น การอนุรักษ์ไก่ไทยก็เป็นไปตามมีตามเกิด ขึ้นอยู่กับคนชนบทที่สืบสานการเลี้ยงอนุรักษ์พันธุ์เรื่อยมา เนื่องจากไก่สามสายเลือดมีความต้านทานโรคน้อยและตลาดไม่ต้องการ จึงทำให้มีการกระจายพันธุ์ลูกผสมน้อยลง แต่ความต้องการไก่ไทยนั้น ตลาดกลับต้องการมากขึ้น จะเห็นได้จากราคาที่ซื้อ ไก่ไทยจะมีราคาสูงกว่าไก่ลูกผสม การประกวดในงานนเรศวรมหาราชและงานกาชาดของจังหวัด ปี 2527 สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดพิษณุโลก ได้จัดประกวดไก่ไทยขึ้นเป็นครั้งแรกของจังหวัดพิษณุโลกหรือครั้งแรกของประเทศไทยก็ได้ โดยจัดประกวดไก่ชน ไก่ตะเภา ไก่ขนหยอง และไก่พื้นเมืองอีกมากมาย 1.2 บ่อนไก่ เมื่อก่อนมีบ่อนไก่ในจังหวัดพิษณุโลก จำนวน 8 บ่อน จะเห็นได้ว่า เมื่อบ่อนไก่มาก การเลี้ยงไก่ก็มากด้วย ระยะหลังบ่อนไก่เหลือ 2 แห่งเท่านั้น แสดงว่าการเลี้ยงไก่ซบเซาลงมาก เนื่องจากกระทรวงมหาดไทย โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยสมัยนั้น คือ พลเอกสิทธิ จิระโรจน์ ได้ออกกฏกระทรวงห้ามตั้งบ่อนไก่ขึ้นมาใหม่ ดังนั้นบ่อนไก่ที่มีมานาน ต่อมาก็หมดอายุ เมื่อเจ้าของบ่อนเสี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น